26.5.03

*Give my All*

เย้ ในที่สุดก็แกะเพลง Shenme Dou She De เส็ดจนได้ ฮือออออ (ที่จิงตั้งใจจะแกะเพลงอื่น แต่เพลงนี้ง่ายก่า) เป็นครั้งแรกเลยล่ะที่นั่งแกะเนื้อร้องเพลงจีน ยากเหมือนกัน นั่งเปิดดิคจนเวียนหัวไปหมด >[]< ก็มันอ่านไม่ออกอ๊ะ~!!! เพราะงั้นก็เลยฟังเพลงนี้จนขึ้นใจ เฮ้อออออออ ส่วนความหมาย o_O แหะ แหะ ยังไม่ค่อยเก็ตนัก แต่ก็พอได้แล้วล่ะค่ะ เป็นบางช่วงอ่ะ ที่ยากจนไม่เข้าใจเลยว่าเค้าหมายถึงอะไร แต่เท่าที่เปิดๆ ดิคดู ความหมายก็กึ่งท้อเหมือนกัน แบบว่ารักเค้ามากเสียจนยอมได้ทุกอย่าง แต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่รักตอบ มันก็เลยเศร้าไง.... วันนี้ก็เศร้าๆ อ่ะนะ

ประโยคเด็ดของวันนี้... Oh, It's very very tragic story.... จากเรื่องรันม่า1/2 อ่ะ หึ หึ ต้องพูดด้วยสำเนียงจีนๆ นิดๆ นะ ขำมากเลย คุณไกด์จีนเนี่ย ฮามากกก ^_^ คงแปลได้ประมาณว่า โอ มันเป็นเรื่องเศร้าจริงๆ เลยน่อ :P

Shenme Dou She De [Give It All]
-Penny Dai-

Dao Zhe Li
Zhi Neng Song Ni Dao Zhe Li
Shi Wo Mei Yong Qi Pei Ni You Xia Qu
Mei You Yong Qi
Dui Bu Qi
Wo Hai Pa Kan Jian Ni De Bei Ying

Bu Ku Qi
Shuo Hao Shei Ye Bu Ku Qi
Shi Wo Bu Zheng Qi
Wo De Yan Lei Duo Me Bu Zheng Qi
Dui Bu Qi
Da Ying Wo Ni Yao Zhao Qu Zi Ji

Bu Yao Ni Shenme
Zhi Yao Ni Kuai Le
Jai Duo De Xin Ku Ye Dou Shi Zhi De
Geng Zhi De De Shi Hui Shi Yi Bei Zi
Wo Zai Ni Xin Li Zhu Guo Yi Zhen Zi

Bu Yao Ni Shenme
Zhi Yao Ni Ji De
Shei Zeng Shi Ni Zui Yi Wei De Na Ge
Na Ge Ren Shi Wo
Ye Xu Zou Yuan Le

Wei Le Kan Ni Duo Yi Ci Wei Xiao
Wo Shenme Dou She De
Wei Le Huan Ni Duo Yi Ci Wei Xiao
Wo Shenme Dou She De

20.5.03

*Swept Away*

รู้สึกยังงั้นจิงๆ นะ ตอนที่อ่านฟิคเรื่องนี้อ่ะ >[]< เป็นฟิคQxDที่ยาวที่สุดที่เคยอ่านมาเลย (14 ตอนยังไม่จบ) แถมยังมีหมดเลย สืบสวน ฆาตกรรม หักหลัง โรแมนส์ (อ้า ชอบฉากเลิฟซีนมั่กๆ เลย นี่เค้าให้เรทPG-13ได้งัยหว่า?) ด๊อตตี้น่ารักมั่กๆ เลย จนแทบไม่ใช่โดโรธีคนเก่าเลยอ่ะ (แต่เค้าอธิบายหมดเลยว่าทำไมโดโรธีถึงเป็นแบบนั้น สมเหตุสมผลจิงๆ) ควอเตอร์ก็น่ารัก เสียแต่งี่เง่าไปหน่อย อารมณ์ก็ผลุนผลัน ไม่ค่อยสุขุมเลย (ในเรื่องมีฮีโร่คนเดียวที่ยังมีสติอยู่ล่ะมั้ง) แต่เอาน่ะ ถีงยังงั้นก็ยังน่ารักล่ะนะ ^_^ ชอบคู่นี้จิงๆ เชียว (ที่จิงอยากให้ด๊อตตี้ร้ายกว่านี้อีกนิด ควอเตอร์จะได้ฉลาดมากก่านี้อ่ะนะ แต่แค่นี้ก็ดีพอแล้วล่ะ) นั่งอ่านติดๆ กัน 2 วัน (เสียวโดนป๊าเฉ่งด้วย) แบบไม่กล้าทำอะไรเลย หุ หุ ก็มันหนุกอ่ะ ไม่ได้อ่านฟิคมันๆ แบบนี้มานาน เขียนได้ดีมั่กๆ เลย อยากอ่านตอนต่อเร็วๆ จัง >[]< แต่เค้าเล่นเขียน 14 ตอน ภายใน 1 เดือนครึ่ง เรายังนับถือเลยอ่า ไวจิงๆ (แต่ฟิคของเจ้านี้ยาว 20 -30 ตอนเป็นปกติ ไม่รู้เค้าจะจบเรื่องนี้ไวรึเปล่า แต่อยากให้จบนะ เพราะไคลแม๊กซ์ก็ผ่านไปแล้ว.... น่าจะเอนดิ้งสวยๆ ซะที)

เรื่องนี้ด๊อตตี้โดนแกล้งซะหัวหมุน ส่วนควอเตอร์ก็โดนหลอกซะยังกะไอ้งั่งแน่ะ (ด้วยนิสัยขี้ใจอ่อนของเจ้าตัวอ่ะนะ) ทำให้สองคนนี้ต้องแยกทางกันตั้ง 5 ปี (หวาย...) คอวเตอร์ถูกจับแต่งกะลูกสาวของเพื่อนพ่อ (ที่ตอนหลังกลายเป็นตัวร้ายของเรื่อง) มีลุกสาวคนนึง (ที่คนอ่านเริ่มสงสัยว่า น่าจะเป็นลูกสาวของโดโรธีที่คิดว่าตายไปแล้ว) ส่วนด๊อตตี้ก็ใช้ชีวิตแบบลุ่มๆ ดอนๆ ตามสไตล์ของเค้านั่นแหล่ะ จนกระทั่งวันนึงในงานเลี้ยงบนโลก ทั้งสองพบกันอีกครั้ง แล้วก็แบบละครน้ำเน่า (ที่ทำไมเราถึงได้ชอบมากนักนะ?) ความรักชนะทุกสิ่ง แต่ก็แค่ชั่วครู่อ่ะนะ จนกระทั่งแผนร้ายที่ถูกวางแผนไว้เริ่มต้นอีกครั้ง เฮ้อ งานนี้สงสารโดโรธีมากกกกกกกที่สุดเลย โดนหลอก หักหลัง แถมยังเกือบต้องตายอีกตังหาก... ตอนล่าสุด ทุกอย่างก็เคลียร์แล้ว ควอเตอร์เลิกสงสัยเค้าแล้ว.. แต่เราก็หงุดหงิดอยากให้คนเขียนแกล้งควอเตอร์อีกซักหน่อยแฮะ... หึ (เพราะรักตังหากถึงได้แกล้งไง :P) เพราะที่ผ่านมาทำตัวงี่เง่าเอาการ ^_^ ...แต่เราเพิ่งเห็นควอเตอร์ทำตัวบ้าๆ ก็เรื่องนี้แหละ ทั้งเล่นยา ทั้งเดทสาวๆ (ฮา) พลิกมาดนิ่มของเค้าซะหมดเลยอ่ะ ชอบจังแฮะ :P แต่ไม่อยากเห็นด๊อตตี้ที่อ่อนแอเลย ถึงจะอยากให้เค้าอ่อนโยนแค่ไหนก็เหอะ... ว้าย สองจิตสองใจจัง

เขียนวันนี้ เพราะเขิลลลลล อ่านเรื่องนี้แล้วใจเต้น (ฮา) อยากอ่านตอนต่อไวๆ จังเลย..... (เจ้าตัวเพิ่งupdateไปเมื่อวันที่ 16 เองนะ..) ใจร้อนๆๆๆๆๆๆ อ้า จะคลั่งตาย วันก่อนดูตอนจบของอุ้ยเสี่ยวป้อ ก็บ่อน้ำตาแตกจนท่วมจอเลยมั้ง ทำเอาเรากลั้นไม่อยู่ ร้องเอาๆ ตามเค้า สัญญารักระหว่างเสี่ยวป้อ กะ คังซี ก็น่าคลั่งใจตายจิงๆ (ฮา) โฮได้น่าดูชม ฮิ ฮิ ต่อไปจะไม่ได้ฟังกลอนงี่เง่าๆ ของเสี่ยวป้อทางทีวีแล้ว คิดแล้วเหงาจัง

All good things come to an end, and I've been swept away....^_^ lol

16.5.03

*Bring Me To Life*

อ้า เราฆ่าเจ้าแมวนั่นไปแล้วอ่า TT_TT~ ฮืออออออ ก็โดนปลุกมาจัดร้านแต่เช้า ไอ้เราก็สะลึมสะลือสุดๆ งัวเงียจนเดินยังกะคนเมา (ขนาดนั้นเชียว?) พอมาถึงชั้นลอย ด้วยความที่มันมืดๆ ก็เลยย่ำเท้าไปตามปกติ กว่าจะรู้ตัวอีกที ก็ได้ยินเสียงแมวกรี้ดลั่น (กรี้ดจิงๆ นา) ถึงรู้ว่า อ๊า มีแมวอยู่ใต้ตีน (พึ่งเปลี่ยนรองเท้าใหม่อ่ะ มันหนาจนไม่รู้สึกว่าเหยียบอะไรเลย) พอยกขึ้นมา ก็ได้ยินเสียงแม่แมว (ที่พึ่งกรี้ดไปนั่นแหละ) ขู่ฟ่อๆ แล้วก็เห็นลูกแมวนอนคอพับ (หัวมันโตจนเราไม่แน่ใจว่าใช่ป่าว) ตอนหลังขึ้นมาดูอีกที แม่มันก็ทิ้งศพมันเอาไว้แถวนั้นแหละ เป็นความสยองขวัญของวันนี้เชียวล่ะ >_< ฮือออออออ นู๋ขอโทษ....

น่าแปลกเหมือนกันนะ ที่ตอนแรกที่เรารู้ว่าตัวเองฆ่าแมวตัวนั้นเองกับตีน O_o' สิ่งแรกที่เราทำคือ ขำอ่ะ มันเหมือนเรื่องพิศดารมากก่าความจริงยังไงไม่รู้ดิ เป็นแบบนี้ทุกทีเลย ไม่ว่าใครตาย ทั้งอากงอาม่า ตอนแรกเราจะไม่รู้สึกเศร้าเลย ยังยิ้มแย้มยังกะเป็นเรื่องปกติธรรมดามากก่า ซึ่งก็เป็นความรู้สึกลึกๆ ของเรานะ ความตายน่ะไม่ทุกข์เท่าความเป็นหรอกนะ บางทีถ้าตัวเองเป็นไรไป เราอาจจะขำกับตัวเองก็ได้นะ.... บ้ามะ? ไว้สักหลายๆ วันเราคงได้นอนร้องไห้กับเรื่องที่เกิดแน่นอนเลย TT__TT ฮือออออออออออออออ

วันนี้รู้สึกแย่...แบบพิลึกๆ ฟังเพลงBring Me To Life จนจะร้องได้แล้ว อีกเด๋วคงเบื่อไปเองแหละ...

15.5.03

*Kitty Kat*

มี้ มี้ เสียงแมวน้อยที่ได้ยินเมื่อไม่กี่วันก่อน ในที่สุดก็เผยตัวออกมาให้เห็นจนได้ แถมมีตั้ง 2 ตัวแน่ะ~! เหอ เหอ ไอ้เราที่วันนี้โดนใช้งานจนกรอบไปหมดทั้งตัว... (เกลียดวันหยุดนักเชียว เพราะจะต้องวุ่นขึ้นอีกเป็น 2 เท่านั่นแหละ) แค่ได้เห็นลูกแมว 2 ตัวเดินต๊อกๆๆ บนชั้นลอย ก็ทำเอายิ้มแก้มปริแล้วล่ะ ^__^ แหะ แหะ ทั้งๆ ที่แมวนั่นหน้าตาก็น่าเกลียด หูก็บานๆ ยังกะลูกค้างคาว แถมลายเสือสีเหลืองจางๆ (น่าจะส้มก่านี้อ่ะ แต่แม่มันก็สีเหลืองนิ) ไม่ใช่สเป็คเราเร้ย แต่เพราะเป็นแมวน่ะแหล่ะ ที่ทำให้แฮปปี้ได้ขนาดนี้ หุ หุ ไม่รู้คำขอของเรามันสัมฤทธิ์ผลรึไงกันนะ ตอนที่ได้เจ้าโดราโดรามาเลี้ยง ถึงมันจะหน้าตาพอใช้ ขนสีดำขลับกับแต้มขาวพองาม (ที่ตอนนี้เละเทะหมดแล้ว...) แต่เราก็ยังภาวนาขอแมวลายเสือมาเลี้ยงอยู่ดีแหละ ทีนี้เจ้าแมวบ๊องโดราก็ดันหาเมียลายทางแต้มแปลกๆ มาเป็นแฟนซะอีก (ตอนนั้น) พอเราไม่อยู่แค่เดือนเดียว มันก็ดันมีเมียใหม่เป็นลายเสือซะนี่ (แต่หน้าตาอัปลักษณ์ง่ะ) เฮ้อ.... ^_^" น่าดีใจไหมนี่?

โอ้ยยย อยากเข้าไปอุ้มมันจังเยยง่ะ แต่แม่มัน (ที่ตอนแรกนึกว่าลูกตายหมดแล้ว) ก็ยังแสดงความเป็นแม่อยู่ดีนั่นแหละ หึ หึ (รอยยิ้มชั่วร้าย) เด๋วก้อลักลูกมาซะเรยนี่ ให้มันรู้ว่านี่บ้านใคร กินข้าวใครอยู่ เหอ เหอ

...นั่นเป็นความคิดลึกๆ ของเราหรอกนะ ไม่ทำจิงหรอก (ก็ไม่แน่ ขึ้นอยู่กะสถานการ์ณ) แค่อยากเล่นกะลูกแมวเท่านั้นแหละ สมกับที่เค้าว่า ศัตรูตัวฉกาจของแมว ก็คือ คนรักแมว นั่นแล....

13.5.03

*Hiding at Night*

ทำไมเวลาเขียนไดต้องเป็นเวลาเครียดๆ ก็มะรู้จิเนอะ... แบบว่าอารมณ์ขึ้น ทำให้อยากเขียนทุกทีเรยอ่ะ แล้วก็ไม่อยากทำอย่างอื่นด้วย เพราะกลัวอารมณ์แย่ๆ จะปรากฏในนั้น (อย่างวาดรูปหรือลงสีน่ะ) ก็เลยต้องมาระบายในนี้...

โดนสวดเรื่องเมื่อวานไม่ได้ลุกขึ้นมาเฝ้าร้านแต่เช้า...เป็นความงี่เง่าของเราโดยแท้ แต่ว่าไม่ใช่ว่าเค้าจะไม่รู้นิสัยเราหรอกนะ เหมือนเค้าจงใจทำเป็นลืมงั้นแหละว่า ไอ้เรามันนอนตื่นเช้าไม่ได้ด้วยสิ (ความดันต่ำง่ะ) งึมๆ บ่นไปงั้นเองๆ ฮึกๆ... :-(

งานที่รับจ๊อบเล็กๆ ก็ได้ตังค์มาแล้ว... ไม่ค่อยประทับใจนักหรอก ก็งานมันเล็กๆ ง่ะ แถมเครียดอีกตังหาก ก็ไม่ได้ไม่พอใจอะไรนักหรอก (ขี้บ่นไปงั้นเองแหละ) ยอมรับว่ากลัวเหมือนกันว่างานจะผ่านมั้ย เพราะลองเป็นงานแปลที่ผ่านมือเรา เรื่องความถูกต้องก็พอไหวล่ะนะ (มั่นใจตรงนี้) แต่เรื่องสำนวนนี่สิ... จืดชืดแบบมะนาวไม่มีน้ำเรยล่ะ ยอมรับๆ (ขนาดว่าพยายามแปลฟิคที่อารมณ์เยอะๆ แล้วนา) แต่เราเป็นพวกชอบสำนวนตรงไปตรงมามากก่าแต่งเติมจนเว่อร์อ่ะ ซึ่งงานนี้เงินก็ไม่ได้มากได้น้อย เพราะว่าเราต้องพิมพ์เองหมดเรย เผลอๆ ต้องกะเวลาเองด้วยง่ะ ก็เหนื่อยจิ ยิ่งทำยิ่งเพลีย ง่วงๆ เมื่อยๆ ผลออกมาพอใจ ก็โอเคแหละ (ถ้าไม่ต้องแก้เลยจะดีมาก :p)

Hiding At Night เป็นเพลงของPenny Daiค่ะ เพราะพอตัวเลย ฟังครั้งแรกจะสยองขวัญมาก (ยิ่งดูMVด้วย) เพราะเปิดด้วยการสีไวโอลินกับเปียโนอย่างบ้าคลั่ง (ฟังแล้วเครียดง่ะ) แต่พอจบก็เป็นการบรรเลงแบบเบาๆ กับเสียงแผ่วๆ ของเพนนี่ซึ่งเข้ากันมากเลย ^_^ ความหมายของเพลงน่าจะเศร้านะ เพราะเค้าร้องแบบเศร้านิดๆ แล้วในMVก็ดูเหมือนจะไม่happy endซะด้วยสิ (ขนาดเพลงGive it All ที่คิดว่าน่าจะมีความสุข ยังออกมาเศร้าเลยอ่ะ) ส่วนเพลงที่บ้าฟังอยู่ตอนนี้คือ Bring Me To Life ของEvernescence (ทำมายชื่อมันเรียกยากนักฟร้า~!)

8.5.03

*beep*

วันนี้รู้สึกแย่ เพราะร้อนเหลือเกิน :-( อาบเหงื่อต่างน้ำได้เลยมั้งเนี่ย (ใช้ภาษาไทยผิดรึเปล่า?) ตัวชุ่มโชกทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษแท้ๆ เฮ่อ...

กลับมาก็โดนpressureให้หางานทำอีกละ ทั้งๆ ที่เราเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองจะเข้ากะfieldไหน (ขอโทษที่ใช้ไทยมั่งอิงค์มั่ง นี่แหละวิธีที่เราพูดคุยจริงๆ แต่เฉพาะกะคนที่ฟังแล้วเก็ตจริงๆ นะ ก็มีแต่พี่เรานั่นแหละ...) ไอ้ที่สนใจก็ใช่ว่าจะไม่มี แต่ทำไมรู้สึกเหมือนไม่พร้อมเอาซะเลย แค่คิดถึงประสบการ์ณการสมัครงาน ก็หนาวแล้ว... เราเนี่ยไม่เอาไหนเลยจริงๆ แต่ของพวกนี้ไม่ใช่ว่าได้มาง่ายๆ นี่นะ ใช้ฝีมือส่วนนึง การแสดงส่วนนึง แล้วก็โชคอีกส่วนนึง สิ่งนึงที่เราบอกตัวเองเอาไว้ก็คือ เราคงไม่เหมาะกะการทำงานในออฟฟิสแน่ๆ เลย เคยทำมาแล้วก็เละไม่เป็นท่า ร่างกายมันประท้วงจะป่วยซะให้ได้งั้นแหละ... ไอ้เราก็ดันเกิดในบ้านค้าขาย มันก็เลยเคยชินไปแล้ว แต่ว่านะ... สงสัยไม่มีทางรวยแน่ๆ เลยอ่ะ นิสัยเรามันบอกว่างั้นอ่ะ... แต่ก็ชอบนะ รู้สึกindependenceดีออก ไม่ต้องอยู่ภายใต้ใคร ทำอะไรตามสบายได้ ^_^ แต่ไม่ใช่ขายของแบบที่บ้านแน่ๆ ล่ะ-_-" เครียดตายเลย ยุ่งก็ยุ่ง เหนื่อยก็เหนื่อย ลูกค้าก็เรื่องมากซะ... ถึงจะเป็นอะไรที่ถึงมีคู่แข่งก็อยู่ได้สบายพอตัว ไม่ต้องกังวลมากนักก็เหอะ (ก็มันขายยากอ่ะ เลยมีคู่แข่งจำกัด) ถ้าไม่บอกคงไม่มีใครเดาออกแน่เลยว่าขายอะไร :P ไม่บอกดีก่า ปล่อยให้งง เหอ เหอ

so how was I suppose to know what I should be then? >[]< อ้า.....

1.5.03

*back to reality*

กลับมาบ้านแล้วๆๆ เพิ่งไปได้แค่เดือนก่าๆ เอง ก็ถูกเรียกกลับซะแล้ว ที่เมืองจีนเข้าไดไม่ได้ เลยไม่ได้คุยอะไรเลย เสียดายจัง... ไว้จะค่อยๆ เล่าเรื่องที่เจอมาดีกว่า ^_^ แค่ขากลับก็มีแต่เรื่องให้เล่าซะแล้วสิ หึ หึ เวลาเดือนกว่า ว่าไปแล้วก็ไวยังกับเมื่อวานเพิ่งไป แต่ก็รู้สึกเหมือนหายไปจากบ้านร่วมปีได้เลยมั้งเนี่ย... ความรู้สึกแปลกๆ ดีจัง

กลับมาก็เผชิญกับความเป็นจริงของที่บ้าน หลังจากที่หายไปอยู่ที่อื่นจนลืมไปบ้าง ค่อนข้างแย่ล่ะมั้ง แต่มันอาจจะแย่กว่านี้ก็เป็นได้นะ เพราะงั้นเราจะพยายามแฮปปี้กับมัน ทั้งสภาพร่างกายจิตใจก็ป๊ากะม๊าที่ทรุดลงทุกวัน สถานภาพการเงินที่ย่ำแย่ลง แล้วก็ความไม่มั่นคงของความเป็นครอบครัวเรา ทำให้รู้สึกบีบคั้นจนอย่างร้องไห้เลยอ่ะ ทำให้รู้สึกอุ่นใจแค่ว่า เรายังมี "หัวใจ" กะเค้าอยู่บ้าง แต่ว่านะ "ความเห็นแก่ตัว" มันก็ยังเป็นตัวเราอยู่ดีนั่นแหละ ไม่เคยสนใจใครจริงจัง จะว่าไงดีล่ะ ที่เค้าเรียกว่า "รักไม่เป็น" ล่ะมั้ง แต่ก็ยังอยากให้ใครรักเราอยู่ดีแหละ ช่างเห็นแก่ตัวจริงๆ เลยน้า...

ออกไปอยู่กะแฟมิลี่คนอื่นเค้า ทำให้รู้สึกอึดอัดเอาการ ไม่ใช่เค้าต้อนรับไม่ดี แต่ว่ามันเป็นวงล้อมเล็กๆ ที่เรียกว่า ครอบครัว ที่ทำให้เราอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออกนั่นแหละ ความรู้สึกของส่วนเกินมันช่างแรงกล้า แต่พอกลับมาบ้านเรา ต่างคนก็ต่างอยู่ ความเป็นครอบครัวช่างเจือจางเหลือเกิน แล้วยังเปราะบางอีกตังหาก เพียงเพราะความเคยชินกับการอยู่ร่วมกันมาหลายสิบปีเท่านั้นที่ทำให้เรายังเกาะกลุ่มอยู่ด้วยกัน ถ้าหากมีทางเลือกให้ไปล่ะก็ ทุกคนคงเลือกจากไปจนหมดแน่ๆ เลย อย่างแจ๊นั่นไง... แต่งงานมีลูกแล้วก็หายหน้าไปร่วมปี ส่งมาแค่ข่าวคราวเล็กๆ น้อยๆ กะมาเยี่ยมปีละหน มาแต่ละทีก็ยิ่งกลายเป็นคนแปลกหน้าไปทุกที เดี๋ยวนี้เราลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเค้าเป็นพี่สาวคนนึงของเรา แต่ว่านะในใจเค้าก็ไม่ได้อยากได้น้องคนนี้เท่าไหร่หรอก ไอ้การที่ป๊ามีเมียมาแล้วสองคนเนี่ยทำให้เราสับสนมาตลอดเลยแฮะ ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี ว่า เรามีพี่สาวต่างแม่อยู่อีกสามคนนะ ที่สายสัมพันธ์อะไรก็ไม่มี รู้จักแค่หน้าค่าตากะชื่อเท่านั้นแหละ ส่วนพี่ชายอีกสองคนที่ชะตากรรมเดียวกับเรา (เจออะไรมาด้วยกัน) ต่างก็มีโลกส่วนตัวของตัวเองเหมือนกับเรา สิ่งที่เรามีเหมือนกันนอกจากความชอบบางอย่างแล้ว ก็คือ ความเหงา นั่นแหละ...

ไม่รู้ทำไมถึงต้องร้องไห้เวลาคิดถึงเรื่องพวกนี้ทุกที แต่ถ้าไม่คิดมันก็กลายเป็นปฏิเสธความจริงไปก็เท่านั้นแหละ... แต่เกลียดตัวเองเวลาร้องไห้จัง ตาแดงๆ จมูกแดงๆ น่าเกลียดเป็นบ้า (ก็ไม่ได้น่ารักอะไรอยู่แล้วนิ)

ไม่ได้แตะคอมพ์ตัวเองมานาน โอ้ยยยยยยยยยยยยยยย สุดแสนดีใจ อย่างน้อยมีเรื่องดีๆ สักเรื่องก็ดีแล้วล่ะ