22.8.05

The Story

เราไม่ได้ไปคอมิกเกะอ่ะ.. ลืมไปเลยว่าเป็นวันเสาร์ ..ลืมลางานด้วย แต่ฝากพี่ซื้อโดมาบ้างแล้วล่ะ ได้มาประมาณสองสามเล่ม ก้อโอเคนะ (แต่ไม่ได้ไปซื้อเอง อาจหลุดเล่มที่อยากอ่านไปบ้าง เพราะพี่เองก็ไปช้าเหมือนกัน) หมดตังค์ไปอักโขเหมือนกันแฮะ โดขึ้นราคากันน่าดูชม (แต่คิดว่าเล่มที่ซื้อค่อนข้างดีอ่ะนะ เลยแพง) ไปเจอกับพวกอู๋หลังเลิกงาน มีคนเล่นDDRด้วย อย่างเท่ห์เลยง่ะ เห็นแล้วอยากเล่นมั่งจัง (แต่มะเคยเล่นเลยแฮะ) เคยเห็นตอนไปอังกฤษ สาวผมบลอนด์ตัวเล็กๆ เต้นสเต็ปได้เก๋มากๆ มีจังหวะที่เค้าหมุนตัวด้วย แบบว่า โอ้ววววววววววว้าวววววววววว แบบว่าจดจำได้จนถึงทุกวันนี้เลยหละ (มันก็หลายปีแล้วอ่ะนะ)

ตอนนี้ฟังแต่เพลงJตลอดเลย (กะลังเห่อ) เดวิดเพิ่งปิดคอนเสิร์ตที่เซี่ยงไฮ้ไปหมาดๆ กะลังจะไปต่อที่ปักกิ่ง อ๊าาา น่าอิจฉาคนจีนจัง... (คนมาเลย์ คนสิงคโปร์ แล้วก้ออินโดด้วย...ฮืออออออ ไมไม่มีไทยในลิสมั่งน้า?) อยากไปคอนเสิร์ตของเถาเจ๋อซักครั้งในชีวิตจังเลยง่ะ เฮ้ออออออออ~

แต่เวลาฟังดนตรีบรรเลงสบายๆ ของYiruma แล้วรู้สึกดีจัง (เคยเจอเปิดในรายการจีนประเภทสารคดี/ข่าว ด้วยแหละ แหมมม ไม่น้อยหน้าคนไทยเลยเนอะ) หุ หุ

อืม เคยมีรึเปล่า? ที่อ่านนิยายบางเรื่องแล้วเกิดอาการกลัวเรื่องที่เกิดในตอนต่อๆ ไป เลยหยุดไว้ซะยังงั้นอ่ะ? เรามีแฮะ เพิ่งเคยเป็นด้วยสิ อ่านแล้วรู้เลยว่าอีกเดี๋ยวต้องมีอะไรแย่ๆ เกิดขึ้นแน่ๆ เลย เลยแบบว่า ไม่กล้าอ่านต่ออ่ะ มันไม่แฮปปี้อย่างที่คิด (เรื่องที่อ่านก่อนหน้ามันจบเคว้งๆ ไปนิด กับก่อนหน้านั้นค่อนข้างอิ่มมากๆ คนละฟีลกันเลย) คือ เรากะลังอ่านเรื่อง The Bonesetter's Daughter ของ Amy Tan มาตั้งกะต้นปีนี้แหละ อ่านค้างอยู่กลางเล่ม ตอนช่วงเทศกาลเชงเม้ง (ลองนับเืดือนดูสิ) ก็ไม่ได้อ่านอีกเลย มันกลัวอ่ะ ทั้งๆ ที่เปิดเรื่องมาลึกลับดี แบบว่าตัวเอกอธิบายตัวเองได้น่าทึ่งดี แต่พอมาถึงช่วงอดีตของตัวแม่นี่ดิ (ปกติเรื่องของคนเขียนคนนี้จะสลับไปมาระหว่างอดีตกับปัจจุบัน ระหว่างปัจจุบันของลูกสาว กับอดีตแม่ที่นำมาเชื่อมโยงกันได้ดี ซึ่งเราชอบความสัมพันธ์ของแม่ลูกในเรื่องเค้ามากเลยแหละ ประทับใจตั้งกะThe Joy Luck Club แล้วล่ะ หนังที่สร้างมาจากนิยายก็ทำเราน้ำตาท่วมเลย อินขนาดนั้นแหละ)
แต่เรื่องที่อ่านค้างนี่มันน่ากลัวซะจนเราไม่กล้าจะอ่านต่อซะนี่ ตอนอ่านเรื่อง The Kitchen God's Wife เราก็รู้สึกว่ามันเศร้าๆ รันทดๆ แบบว่าหดหู่ๆ นะ แต่ก็ทนอ่านจนจบ เพราะมันก็มีเรื่องให้ลุ้นระทึกเรื่อยๆ เราเลยอยากอ่านมากก่าจะหยุด เรื่องก่อนหน้าที่อ่านแล้วชอบมากๆ คือ Hundred Secret Senses แบบว่า โรแมนซ์สุดๆ อ่านแล้วอึ้งทึ่งกับไอเดียเค้า แล้วคงเพราะเราเป็นพวกบ้าอดีตชาติอะไรทำนองนี้มาก อ่านแล้วอินสุดๆ มีเว่อร์ๆ บ้างแต่พอจบแล้วมันลงเอยแบบเป๊ะๆ เลย ทำเอาเราปลื้มเรื่องนี้ไปนาน ตอนนี้ก็ยังชอบเรื่องนี้ที่สุดในนิยายของ Amy Tanเลยล่ะ แบบว่าอ่านแล้วอบอุ่นในหัวใจ รู้สึกดีๆ มากก่าจะแย่... แต่เรื่องล่าสุดนี่ดิ มันทะมึนซะจน..เรารู้สึกเหมือนหมดกำลังใจอ่านต่อเลยแฮะ ไม่รู้ว่าจะได้หยิบขึ้นมาอ่านเมื่อไหร่ กลับนึกอยากกลับไปอ่านHundredฯ ซะงั้นแน่ะ ก้ออ่านแล้วมันแฮปปี้ก่านินา... (เรามันบ้าโรแมนซ์มากก่าเรื่องลึกลับอ่ะนะ)

ว่าแต่ ตอนนี้pocketเป็นไรไปง่ะ เราเข้าไม่ได้เลย (เป็นอยู่คนเดียวอ๊ะป่าวเนี่ย?)

5 comments:

zoe said...

แง่ะ ถ้าเข้าPocketทุกวันก็น่าจะเห็นการโปรโมทด้านบนนะคะ มีโปรโมทโดจินกันค่อนข้างเยอะด้วย เราว่าจะไปๆ ยังเผลอลืมไปเลยว่าวันเสาร์ไปไม่ได้ เสียดายนิดๆ เพราะพี่ซื้อโดมาน้อย ไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่ (กะไปถลุงกระเป๋าเต็มที่เลยนะเนี่ย)

อืม ส่วนมากเราอ่านแต่นิยายผู้หญิงๆ น่ะ ไม่งั้นก็คลาสสิกสุดๆ ไปเลย ไม่ได้อ่านเท่าไหร่แล้วช่วงนี้ ตัดสินใจซื้อเรื่องของAmy Tan เพราะชอบสไตล์การเล่าเรื่อง ความสัมพันธ์แม่ลูก แล้วก็คงเพราะวัฒนธรรมจีนอเมริกันที่เค้านำเสนอในเรื่อง (เรื่องส่วนมากจะเริ่มที่อเมริกา และไปจบที่เมืองจีน เหมือนย้อนหารากเหง้าตัวเอง)อ่านแล้วประทับใจแทบทุกเรื่องเลยล่ะ มีแค่เรื่องล่าสุดนี่ละที่เราทำใจอ่านต่อไม่ได้จิงๆ แบบว่าอ่านแล้วเครียดง่ะ ทั้งๆ ที่เป็นแค่อดีตที่ตัวละครเล่า (ไม่ใช่ว่าตัวละครต้องตายซักหน่อย) ที่ทำให้เรารู้สึกว่า ต้องผิดหวังในตัวเค้าแน่ๆ ทำให้เสียใจอ่ะ แล้วก็เรื่องนี้ความโรแมนติกน้อยกว่าHundred Secret Sensesมากๆ เลย (ชอบสุด แต่เน่าสุดเท่าที่Tanแต่งมาเลยล่ะ เรามันประเภทขอน้ำเน่าไว้ก่อนสินะ) ทำให้ไม่มีกะจิตกะใจอ่านต่อเอาซะดื้อ ผิดหวังกะัตัวเองเหมือนกัน แค่กัดฟันทนอ่านไปอีกสองสามบทก็น่าจะผ่านเหตุการณ์แย่ๆ ได้แล้วแท้ๆ

พวกคำพยากรณ์สิ้นโลกอะไรเนี่ย เราเคยแต่อ่านช่วงก่อนปี 2000นะ ตอนนั้นเรายังเด็กมาก ทำให้รู้สึกท้อกับชีวิตไปเลย มันทำให้เรารู้สึกว่า ของบางประเภทไม่ควรให้เด็กอ่าน แล้วถ้าเด็กอยากอ่านจิงๆ ก็ควรให้คำแนะนำจากผู้ใหญ่ด้วย เพราะตอนนั้นเรารู้สึกแย่มากๆ กับอนาคต แต่พอมาย้อนกลับไปมองตัวเอง กลับรู้สึกว่า ทำไมเราโง่จัง(วะ)หลงเชื่อเข้าไปได้ไงเนี่ย? แต่ยอมรับนะว่า ตอนนั้นเราเป็นเด็กที่นับถือศาสนาพุทธอย่างจริงจังทั้งๆ ที่ยังไม่เข้าใจแก่นสารอะไรเลย เค้าว่าไงว่าตามนั้น ค่อนข้างหัวอ่อนด้วย รู้สึกถึงความไร้เดียงสาของตัวเองจิงๆ เลย แล้วก็ทำให้รู้ว่าศาสนาบางทีก็อาจจะไม่เหมาะกับเด็กทุกคนที่ยังไม่โตพอจะเข้าใจสัจธรรมของโลกก็ได้นะ คือเรารู้สึกลึกๆ ว่าศาสนาพุทธฆ่าความทะเยอทะยานในตัวเด็กๆ ไป ทำลายความฝันที่จะยิ่งใหญ่ของคนเราได้ ไม่รู้สิ บางทีการเสียสละของพุทธ อาจไ่ม่เข้ากับทางโลกที่ต้องดิ้นรนมีชีวิตเลยก็ได้นะ? (ส่วนมากเรื่องราวในทางพุทธเองก็ไม่ได้มีที่ว่างดีๆ ให้กับผู้หญิงด้วยแหละ ที่ทำให้่เรารู้สึกว่า มันเป็นโลกของผู้ชายจิงๆ เนอะ)

เรื่องดาวินชี่โค้ด เราก็มองๆ นะ แต่ไม่รู้ทำไมมันไม่เคยปิ๊งว่า อยากอ่านชะมัด อะไรทำนองเนี้ย (เพราะหลังๆ ก็ไม่ได้อ่านนิยายด้วยแหละ) ส่วนนึงเพราะคิดว่า ถ้าเป็นเรื่องที่อยากอ่าน อยากอ่านต้นฉบับแท้ๆ เหมือนตอนลงทุนอ่านLOTR (ที่ขอเป็นของขวัญวันเกิดจากเพื่อนๆ)ติดๆ กันหลายวัน เข้าใจมั่ง ไม่เข้าใจมั่ง แต่รู้สึกว่าภาษาที่แปลแล้วมันทำลายอรรถรถในตัวนิยายไปบ้างอ่ะนะ เสียแต่มันแพงง่ะ ไม่ค่อยมีตังค์ซื้อ ไม่มั่นใจว่าคุ้มด้วยแหละ

เรื่องDNA เราเดามันเป็นส่วนผสมของสีรึเปล่า สมัยก่อนการผสมสีให้ได้ตามต้องการก็ค่อนข้างใช้วัตถุดิบหลากหลายกว่าสมัยนี้นินา ถ้ามีเลือดมาเกี่ยวข้องนี่คิดถึงBlade of Immortalเลยนะ (ศิลปินที่สาดเลือดของศพบนผืนผ้าใบ แบบว่า สยองดีจัง ปนขำๆ ด้วยละ)

ดีจังที่ได้รับแล้ว ชอบเรื่องนี้มาก ตอนเผาแผ่นมาเช็คๆ ดู ก็เผลอดูไปหลายตอน ชอบเกือบทุกตอนเลยล่ะ มาดูอีกรอบ รู้สึกว่าอนิเมชั่นเรื่องนี้ สีหน้าน้อยจัง แต่ใช้การเคลื่อนไหว กับสภาพแวดล้อมทดแทนมันก็โอเคนะ บางทีก็ดูแบนไปนิดๆ แต่แค่ใส่รายละเอียดในฉากขนาดนั้นเราก็แฮปปี้แล้วล่ะ พี่เคยดูดเบื้องหลังอนิเมเรื่องนี้มาให้ดู ไม่รู้หายไปไหนแล้ว ทำเป็นรายการตลกไปเลย ดูแล้วก็ขำๆ ดีนะ มีการศึกษาอวกาศที่จริงจิงซะยิ่งก่ากันดั้ม (มันก้อแหงละ) แหม ทำให้เราคิดเลยว่า ถ้าพวกPlanetesมาเจอกันดั้มคงด่ายับเลยว่า ไอ้พวก@#&*$ บังอาจทำร้ายอวกาศแบบนี้ พวกชั้นจะเดินทางกันยังไงวะ เก็บขยะเดี๋ยวนี้เลยนะ~!!!!! 555555 หรือไม่ก็คงแฮปปี้ที่มีงานให้ทำมากขึ้น (แต่ใครจะมาแฮปปี้ที่ต้องเสี่ยงชีวิตเก็บของพวกนี้หว่า? ขยะอวกาศมันอันตรายนา คิดถึงคนเก็บขยะนิวเคลียร์เลยอ่ะ) ส่วนตัวแล้วเราชอบฮาจิตอน.. (ไม่อยากสปอยล์ง่ะ) กะเฉินชินล่ะ เป็นพระรองที่น่ารักอย่างแรง แถมได้เสียงคนพากษ์สุดรักของเราด้วย (คนที่ีพากษ์เป็นชิโร่ในGD 08thMSไง) หุ หุ ฟังครั้งแรกไม่คิดว่าเป็นเจ้าตัวเลย หลอกเราได้ (แต่ตอนไปพากษ์Asraelใน GSดิ น่ากัวก่า ง่า ทำไมพากษ์บทผู้ร้ายได้ล่ะ คุณHiyama เสียดายเสียงหล่อๆ หมดกัน)ตัวอื่นๆ เราก็ชอบหมดเลยนะ แต่จำRavy คนแขกจอมเปิ่น ตลกสุดๆ

หุ หุ กัวจะเล่าหมด พอแค่นี้ละกันเนอะ

zoe said...

อ่า เราพึ่งรู้ว่า เราไม่ได้ใส่แผ่นสุดท้าย (4ตอนสุดท้าย) ของ Planetesไปให้ Y-Y (มันคาอยู่ในคอมพ์ตอนเราเช็คแผ่นแล้วลืมเอาออกมา) ขอโทษด้วยนะคะ เด๋วจะไปส่งให้เร็วๆ นี้นะคะ ฮือออออออ เป๋อจิงๆ เลยเรา

Anonymous said...

555 ขำตอนที่บอกว่าทะเลาะกับพวกกันดั้ม
ใช่เลย พวกนี้มันดีแต่ก่อขยะ(debris)ทั้งนั้น!!!!

นิยายที่อ่านแล้วหยุดกลางคันนี่ ไม่มีแฮะ (ขนาดเรื่องที่ไม่ชอบยังอ่านจนจบ ด้วยความเสียดายตังค์)
แต่การ์ตูนที่เลิกอ่านกลางคันนี่มีเยอะ โดยเฉพาะพวกที่ชอบเขียนยืดๆ ตอนท้ายเรื่องนี่ แบบว่า ผ่านไป 1 เล่ม เนื้อเรื่องแทบไม่เดินหน้าไปไหนเลย.

zoe said...

หุ หุ ถ้าการ์ตูนที่หยุดอ่าน รู้สึกว่าจะมีสองสามเรื่องนะ (บางเรื่องเผลออ่านไปตั้งเกือบๆ 10 เล่ม ไม่รู้อ่านทำไม แต่ก็ทนซื้ออ่านต่อจนจบ เสียดายง่ะ อุตส่าห์อ่านถึงขั้นนี้แล้ว) ซื้อเล่มแรกแล้วเฉยๆ มากๆ บางเรื่องส่อแววY มาแต่ไกล แบบที่รู้เลยว่าถ้าอ่านต่อคงหงุดหงิดกับอาการY ของตัวละครแน่ๆ เลยเลิกซื้อ(นี่ชั้นอ่านการ์ตูนผู้หญิงนา ไม่ได้อ่านการ์ตูนY อย่าโจ่งแจ้งนักดิ!)แต่บางเรื่องก็ทนๆ อ่านเหมือนกัน เพราะบ้าลายเส้นอย่างเดียวเลย (พวกอ.ที่วาดY นี่ลายเส้นดีแทบทุกคนเลยแฮะ หรือเป็นเพราะพลัีงY) บางเรื่องอดอ่าน เพราะตาบ้าคุงมันไม่ยอมซื้อเล่มต่อ... (หลายเรื่องแล้วนะ นารุโตะมันก็เลิกซื้อ นี่ชั้นต้องซื้อแทนมันรึเป่าเนี่ย? ยังอยากอ่านต่ออยู่ง่ะ)สุดท้ายก็เลยมานั่งเดาว่า ตกลงเรื่องนั้นมันจบไงฟระ?

zoe said...

แง่มๆ แล้วจะรอต่อไปค่ะ ^__^