28.7.03

*mumbling*

วันนี้เริ่มต้นตอนเช้าด้วยการโดนเจ๊ฝนชิงตัดหน้าอาบน้ำ (เจ้าตัวออกจากบ้านหลังเรา ไหงตื่นมาอาบแต่เช้าหว่า?) ซึ่งก็ไม่เปงไร เราไม่ได้รีบเร่งอะไรอยู่แล้ว... (แต่มีปึดๆ ในใจลึกๆ ถึงได้เอามาเขียน หึ) จากนั้นก็ปลุกปล้ำกะเลนส์หมดอายุ (มันแห้งมั่กๆ ทำให้ใส่ลำบาก ไม่ค่อยติดลูกกะตา) แต่ยังใช้งานได้อยู่ ว่าจะไปซื้อใหม่ไวๆ นี่แหละ เสียเวลาพอควร

ลงมากินข้าวเช้า เจอป๊า...ยิงใส่หน้า "เลิกวาดไปเรียนภาษาเถอะ" ... อีกแล้วรึ? >_< ทำให้เรารู้เลยว่า ทำไมภาษาจีนมันถึงไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไหร่ เพราะมันมาพร้อมกับความทรงจำแย่ๆ โอกาสในการเรียนที่แสนแคบ แล้วก็ป๊าที่ไม่เข้าใจหัวจิตหัวใจลูกสาวเอาซะเลย น่าเศร้าจัง... ก็เราน่ะขนาดนั่งทำงาน เวลาเจออะไรแปลกๆ ยังเผลอคิดในใจ เอ ถ้าลงสีไอ้นี่ จะทำยังไงดีน้า....

ตอนนี้รู้สึกแปลกๆ เหมือนยืนอยู่ แต่ก็ยังลอยๆ อยู่ดี มีที่ทำงานแล้ว รู้สึกมั่นคงมากขึ้น แต่การงานก็เพิ่งจะเริ่มต้น การเรียนรู้งานของเราก็ยังช้า นิสัยเสียๆ ก็ยังแก้ไม่หาย จัดการเรื่องเวลาก็ย่ำแย่ แต่ถึงยังงั้นเราก็ยังไม่อยากเลิกวาดอ่ะ... เลิกเรียนภาษามันง่ายกว่า แค่ปล่อยมันก็แค่นั้น แต่วาดเนี่ย มันฝังลึกมาตั้งแต่เรายังเด็ก แล้วที่บ้านก็ไม่เคยปล่อยให้ไปทำกิจกรรมอะไรที่พิเศษไปกว่าเรียน กะช่วยงานบ้านเลย เพราะงั้นมันเลยกลายเป็นทั้งการปลดปล่อยตัวเราจากบ้าน จากโลก แล้วผลตอบแทนของมันก็ทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองมีค่า @_@ อะไรทำนองนั้นแหละ ไม่ได้คิดว่าartของเรามันวิเศษอะไรหรอกนะ แต่มันทำให้รู้สึกถึงตัวเองดีขึ้นน่ะ (ถึงจะยังไม่เข้าใจอะไรเลยก็เหอะ) มันกรีดร้องว่า นี่ชั้นนะ! ชั้นมีตัวตนนะ ก็แค่นั้นเอง...

ตัวตนของเรามันมีค่าแค่กับตัวเราเท่านั้นเองแหละ การที่มีครอบครัวเป็นคนป่าเถื่อนมันก็แค่ทำให้เราสนใจแต่ความอยู่รอดของตัวเอง การแคร์คนอื่นเป็นเรื่องพื้นฐานของศีลธรรมจรรยามากก่าจะแคร์ด้วยความรู้สึกแท้จริง (มันเป็นยังไงกันรึ?) แต่เราก็ยังสงสัยว่าคนอื่นแคร์กันด้วยความรู้สึกแบบไหนกันนะ? ถึงสงสัยแต่เราไม่กล้าลงไปสัมผัสหรอก การปล่อยให้คนอื่นเข้ามาในอาณาเขตมันน่ากลัวว่าจะเกิดเรื่องอ่ะนะ เมื่อสัมผัสแล้วทำให้เค้าเจ็บปวด เราเองก็เสียใจ (หลายหนแล้วล่ะ) สุดท้ายก้อจบลงด้วยการเป็นเพื่อนกันไม่ได้ เพราะโลกของเราไม่ได้เชื่อมต่อถึงกัน เราถึงได้ไม่จำเป็นต้องอยู่ร่วมกันอีกต่อไป...

วันนี้อารมณ์หวั่นไหวเป็นพิเศษ แค่ส่วนลึกของจิตใจเท่านั้นแหละ ภายนอกก็ยังเป็นเราที่เอ๋อๆ อยู่เหมือนเดิม (อาจมีซีเรียสเล็กน้อยพองาม) อยากร่าเริงมากกว่า จะได้พูดถึงเรื่องน่ายินดีกว่านี้ ไม่อยากบ่นอ่ะ... ก็เรามันโรคย้ำคิดย้ำทำ ถ้าเป็นยังงี้ต่อไปคงแย่แน่ๆ เลย

No comments: